เคล็ดลับรักษาความสดในวัย 34 ปี แบบ CR7

สถิติอันดีงามทั้งหมดทั้งมวลของคนที่ชื่อ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเขาขาดอะไรบางอย่างไปตั้งแต่ต้น นั่นคือการพัฒนาดูแลสภาพร่างกาย และจิตใจ ตั้งแต่ช่วงอายุวัยเลข 1 จนถึงเลข 2 แล้วก็ตอนนี้ ในวัย 34 ปี + 8 เดือน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รู้ดีว่า สังขารไม่เที่ยง แต่เขาก็ต้องการจะรักษามันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตราบที่เขายังรู้สึกไหว
โดยเรื่องของสภาพร่างกาย มีกฎง่าย ๆ อยู่ว่า มันจะแข็งแกร่ง ก็ต่อเมื่อคุณได้ฝึกให้มันแข็งแกร่ง หรือทนทานต่อสภาวะนั้น
---------------------------------------------
และยิ่งฝึกให้แข็งแกร่งเท่าไหร่ เมื่อเจอสถานการณ์อันเบาบาง หรือใช้พลังน้อยกว่าที่เคยฝึก คุณก็จะกลายเป็นต่อคนอื่นทันที
แน่นอนว่า ภาวะแบบนั้นคือสิ่งที่ผู้ต้องการจะเป็น ‘เดอะเบสท์’ ในวงการฟุตบอล อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องการอยู่เสมอ
เขาเลยให้ความสำคัญกับร่างกายค่อนข้างมาก มากระดับที่ว่า นิตยสารสุขภาพทั่วโลกต่างยกย่องว่า เขาคือนักกีฬาที่ฟิตที่สุด
และกลางปีก่อน ผลการตรวจอายุชีวภาพ (อายุที่สื่อถึงสภาพร่างกายที่แท้จริง) พบว่า เขายังดูเหมือนกับเด็กหนุ่มอายุ 23 ปี
“ผมได้ใบรับรองอายุทางชีวภาพที่เท่ากับอายุ 23 ปี แสดงว่า ผมมีเวลาอีกมากที่จะทำให้เล่นได้ถึงอายุ 41 ปี” เขากล่าวไว้
นั่นเป็นการตรวจร่างกายเมื่อช่วงกลางปีก่อน แต่สิ่งที่ยืนยันได้ดีกว่าคือ ตอนนี้ เขายังคุณภาพคับแก้วเหมือนเดิมกับทีมใหม่
ซีซั่นที่แล้ว ในวัย 34 ปี เขายิงไป 22 ประตูจาก 34 เกม และเพิ่งยิงไปอีก 4 ประตูให้กับทีมชาติโปรตุเกส เมื่อไม่กี่วันก่อน
จนขึ้นแท่นเป็นดาวซัลโวสูงสุดในศึกยูโรรอบคัดเลือก ยังไม่รวมถึง บัลลังก์ ดอร์ อีก 5 สมัย กับสถิติอีกมากมายนับไม่ถ้วน
เลยไม่น่าแปลกใจ ที่ผู้คนจะอยากรู้เคล็ดลับการดูแลสุขภาพร่างกาย และจิตใจของเขา โดยเฉพาะในวัยที่ใกล้ 35 ปีแล้ว
สิ่งสำคัญที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำมาอย่าง ‘ถูกต้อง’ ตั้งแต่แรกเริ่ม คือ การคงสภาพความแข็งแรงไว้ได้อย่าง ‘ต่อเนื่อง’
ไม่ใช่ว่า เพิ่งมาทำเอาวันสองวันนี้ โดยในช่วงวัยเลข 2 ตอนกลาง เขาเสริมมวลกล้ามเนื้อขึ้นมาให้อยู่จุดที่เหมาะสมที่สุด
จากนั้น พอแกร่งได้ที่ ก็ต้องรักษามันไว้ให้ได้ และเขาทำได้ดีมาตลอด โดยมีเรื่องเกี่ยวกับวินัย และจิตใจคอยควบคุมด้วย
“ตอนอายุ 11 ปี หลายคนบอกว่า ผมผอมเกินไป โค้ชก็บอก ผมเลยตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่วันนั้นว่า จะฝึกให้หนักกว่าพวกเขา”
“มันเป็นความจริง ผมผอมมาก ไม่มีกล้ามเนื้อเลย ผมเริ่มหนีออกไปเข้ายิมในตอนกลางคืน จนได้กล้ามเนื้อที่มันใหญ่ขึ้น”
แม้เขาจะพยายามขนาดไหน แต่ก็ได้แค่นั้น ด้วยสภาพความพร้อม กระทั่งมาอยู่อังกฤษ ถึงทำให้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
เรื่องการทุ่มเทเวลาให้กับการฟิตร่างกายในยิม อาจเป็นเรื่องที่ได้ยินกันมาบ่อยแล้ว แต่ช่วงหลัง พิลาทีส คือสิ่งที่เน้นขึ้นอีก
พิลาทีส คือการออกกำลังกายแบบ 'ใช้แรงต้านทาน' โดยเขาได้เล่นกับทั้งเครื่องรีฟอร์ม, เครื่องดึง บวกสายรัดแบบครบสูตร
ผลที่ได้ คือความยืดหยุ่น, ความคล่องแคล่ว หรือคล่องตัวที่มากขึ้น เมื่ออยู่ในภาวะอันไร้แรงต้านทาน (เช่น อยู่ในสนาม)
และจุดที่เน้นหนัก คือ Core หรือ ‘กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว’ ซึ่งมักเป็นปัญหาของคนวัยเลข 3 กับความย้วย หรือไม่แน่น
โดยลำตัวเป็นจุดศูนย์กลางของการเคลื่อนไหว ถ้าแกร่งตรงจุดนี้ จะเปลี่ยนทิศทางการวิ่งได้เร็ว หรือทนการปะทะได้สบาย
ส่วนเรื่องซิท-อัพที่เคยเป็นข่าว เขายืนยันอีกทีว่า ไม่ใช่ 3,000 ครั้งต่อวัน อย่างที่ลือแน่นอน แต่เป็น ‘1,000 ครั้ง’ ต่อสัปดาห์
ซึ่งเมื่อรวมกับการฝึกแบบ ‘ระเบิดพลัง’ (Explosive) เช่น เล่นเวทแขน-ขา เพื่อความแข็งแกร่ง และพลังของมวลกล้ามเนื้อ

เขาก็ยิ่งครบเครื่อง ทั้งแข็งแกร่ง-ทรงพลัง-คล่องแคล่ว-ว่องไว จนการฝึกซ้อม หรือแข่งฟุตบอล กลายเป็นสิ่งที่เบาลงไปเลย
และหลังจากแข่งเสร็จ เขาจะลงไปว่ายน้ำ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ และให้ร่างกายได้ยืดเส้น-ยืดสาย อันนี้คือ ดีต่อกล้ามเนื้อของจริง
หรือถ้าลงไปว่ายน้ำแบบจริงจังหน่อย ก็ยิ่งดีต่อร่างกายไปอีก โดยสิ่งที่จะได้มา คือแขน, ขา และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
การชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต และเติมพลังกาย เช่น ‘การพักผ่อน-นอน-กิน’ ก็ถือเป็นอีกสิ่งที่เขาเคร่งครัด และมีวินัยกับมันมาก
“การฝึกซ้อม หรือฟิตร่างกาย อาจดูสำคัญที่สุด แต่การได้อยู่กับความผ่อนคลาย จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่เจ๋งที่สุดได้”
“ช่วงที่ว่าง ผมจะใช้เวลากับครอบครัว และเพื่อนฝูง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายได้เสมอ และมีชุดความคิดที่เป็นบวกด้วย”
“การนอนหลับที่พอดี ก็เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการซ้อมให้ได้ประสิทธิภาพ” ซึ่งตัวเขาบอกไว้ว่า ต้องนอนอย่างน้อย 8 ชม.
โดยมันจำเป็นมาก สำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจใช้เวลามากขึ้นตามวัย และการให้เวลาที่พอดี กล้ามเนื้อก็จะดีตามมา
แต่ยังไงก็ตาม เขาเสริมขึ้นมาว่า การออกกำลังที่บ้าน คือหนึ่งในเคล็ดลับของเขาด้วย “อยากฟิต ฟิตไปเลย ตรงไหนก็ได้”
“คุณจะออกกำลังกายหน้าท้องในห้อง บนเตียงนอนก็ได้ หลังจากที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า หรือจะทำตอนก่อนเข้านอนก็ได้นะ”
ขณะที่เรื่องกิน ต้องบอกว่า เข้มขึ้นขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่ทำมาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเขาคุมอาหารไม่ได้อย่างที่หวังไว้
ผู้ชายคนนี้ เขาไม่ใช่สายพืชผัก แต่เขาเลือกวิธีจำกัดปริมาณการกินเนื้อที่มีไขมันสูงแทน และปลา คือ หัวใจสำคัญของเขา
เมนูพิเศษจากลิสบอนที่ชื่อ Bacalao a la Brasa ที่มีปลาตุ๋น, หัวหอม, มั่นฝรั่งหั่นบาง และไข่คน เป็นอะไรที่เขาชอบจริงจัง
“ผมกินอาหารโปรตีนสูง, โฮลเกรน คาร์บ (ธัญพืชเต็มเมล็ด), ผัก, ผลไม้บ้าง และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล” เขาอธิบายไว้
“มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณต้องการจะรักษาระดับพลังงานในร่างกายให้สูงเข้าไว้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเล่นดีขึ้น”
“บางครั้ง ผมจะกินมื้อเล็ก ๆ ประมาณ 6 หกมื้อต่อวัน เพื่อให้แน่ใจว่า ผมมีพลังงานสูงพอที่ทำให้จะซ้อมได้ดีที่สุดในแต่ละครั้ง”
โดยถ้าอยู่ในบ้าน แม่ของเขา จะทั้งเป็นเซฟ และโภชนากร ซึ่งคอยทำอาหารให้ตรงกับสิ่งที่เขาต้องกิน หรือในการคุมอาหาร

ส่วนโหมดการฟื้นฟู เราคงทำตามเขาได้ยาก ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ หรือเงินทุน ที่อาจไม่ได้มีเท่าเขา แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย
เช่น เขามีเครื่องบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) กับห้องไว้อาบน้ำร้อน และน้ำเย็น เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ
เคล็ดลับของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ว่ามาทั้งหมด คุณอาจมองว่า เพราะเขาเป็นนักกีฬา เลยต้องมีวิถีทางแบบนี้ ซึ่งก็จริงอยู่

แต่อย่างน้อย ในเรื่องราวบางส่วน คนธรรมดาอย่างเรา ก็เอาไปปรับใช้กับชีวิตได้ ด้วยความเข้มข้นในระดับที่เหมาะสมกับเรา
เช่น การดูแลสภาพจิตใจ, หลักการฟิตร่างในวัย 30 ปี+ หรือการคุมอาหาร สำหรับวัยที่ระบบร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

ขอบคุณข้อมูล และภาพจาก thesun.co.uk, dailymail.co.uk, givemesport.com, gettyimages.com